กล้องวงจรปิดมีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกันไป การเลือกกล้องวงจรปิดให้เหมาะสมกับความต้องการจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดและระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ
1. IP Camera
เป็นกล้องที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถดูภาพจากระยะไกลผ่านอุปกรณ์เช่น สมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์
มีความละเอียดสูงและคุณสมบัติการบันทึกภาพที่ดี
เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งภายในและภายนอกอาคาร
2. IPC Full Color
ล้องวงจรปิด IPC Full Color เป็นกล้องวงจรปิดประเภท IP Camera ที่มีความสามารถพิเศษในการแสดงภาพสีได้อย่างชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งแตกต่างจากกล้องอินฟราเรดทั่วไปที่จะแสดงภาพขาวดำในที่มืด กล้อง IPC Full Color ใช้เทคโนโลยีเฉพาะเพื่อให้สามารถบันทึกภาพที่มีสีสันได้แม้ในสภาวะแสงน้อยหรือในที่มืดสนิท
คุณสมบัติหลักของกล้อง IPC Full Color:
- ภาพสีในที่มืด:
- มีการใช้เซ็นเซอร์รับภาพที่ไวต่อแสง (high-sensitivity sensor) และเลนส์ที่สามารถรับแสงได้มากขึ้น เพื่อให้สามารถบันทึกภาพสีได้ในสภาวะแสงน้อย โดยไม่จำเป็นต้องมีแสงสว่างจากภายนอกเพิ่มเติม
- มักจะมาพร้อมกับแสงสว่าง LED ที่สามารถเปิดเพื่อช่วยเพิ่มแสงในเวลากลางคืน
- ความละเอียดสูง:
- กล้อง IPC Full Color ส่วนใหญ่มีความละเอียดสูง ทำให้สามารถบันทึกภาพได้คมชัดและมีรายละเอียดที่ชัดเจน
- การเชื่อมต่อผ่าน IP:
- เป็นกล้องวงจรปิดแบบ IP ที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ ทำให้สามารถเข้าถึงและดูภาพจากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ได้
3. IPC Starlight
IPC Starlight เป็นกล้องวงจรปิดประเภท IP Camera ที่มีความสามารถพิเศษในการบันทึกภาพในที่แสงน้อยหรือในที่มืดได้อย่างชัดเจน โดยยังคงรักษาระดับสีสันและรายละเอียดของภาพได้ดีเมื่อเทียบกับกล้องทั่วไป กล้องประเภทนี้ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า “Starlight” ซึ่งหมายถึงการบันทึกภาพที่มีคุณภาพสูงภายใต้สภาวะที่มีแสงน้อย เช่น แสงดาว (starlight) ที่มีความสว่างน้อยมาก
กล้อง IPC Starlight เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีแสงน้อยหรือในสภาวะที่มีแสงไม่เพียงพอ เช่น ทางเดินภายในอาคาร พื้นที่ลานจอดรถ หรือสถานที่ที่ต้องการการเฝ้าระวังตลอดเวลา
ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการเฝ้าระวัง เพราะสามารถบันทึกภาพได้ชัดเจนแม้ในที่มืด
คุณสมบัติหลักของกล้อง IPC Starlight
- การรับแสงที่ไวต่อแสงน้อย
- การบันทึกภาพในที่มืด
- ความละเอียดสูงและความคมชัด
- การเชื่อมต่อผ่าน IP เชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ ทำให้สามารถดูภาพแบบเรียลไทม์จากระยะไกลผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์
Warning: Trying to access array offset on value of type bool in /home/successnet/domains/success-network.co.th/public_html/wp-content/plugins/elementor/includes/base/widget-base.php on line 223
Warning: Undefined array key -1 in /home/successnet/domains/success-network.co.th/public_html/wp-content/plugins/elementor/includes/base/controls-stack.php on line 695
4. IPC fisheye
กล้อง IPC Fisheye คือกล้องวงจรปิดแบบ IP Camera ที่มีเลนส์แบบฟิชอาย (Fisheye lens) ซึ่งเป็นเลนส์ที่มีมุมมองกว้างมาก โดยสามารถมองเห็นได้ถึง 180 องศาในแนวนอน หรือแม้กระทั่ง 360 องศาหากติดตั้งบนเพดานหรือพื้น ซึ่งทำให้สามารถเฝ้าระวังพื้นที่ขนาดใหญ่ได้ด้วยกล้องเพียงตัวเดียว
คุณสมบัติหลักของกล้อง IPC Fisheye:
มุมมองที่กว้าง:
ด้วยเลนส์ฟิชอายที่มีมุมมองกว้างถึง 180 หรือ 360 องศา กล้องสามารถครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางโดยไม่ต้องติดตั้งกล้องหลายตัว
เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ที่ต้องการการมองเห็นครอบคลุมรอบด้าน เช่น ห้องประชุม, ห้างสรรพสินค้า, โรงงาน, หรือพื้นที่ที่มีความจุขนาดใหญ่
การบิดเบือนของภาพ (Image Distortion):
ภาพที่ได้จากกล้องฟิชอายมักจะมีการบิดเบือนตามลักษณะของเลนส์ โดยส่วนกลางของภาพจะมีขนาดใหญ่และชัดเจน ในขณะที่ขอบภาพอาจมีลักษณะโค้งเว้า
ในบางกรณี สามารถใช้ซอฟต์แวร์เพื่อทำการปรับภาพ (de-warping) ให้กลับมามีสัดส่วนที่ถูกต้องและดูเหมือนมุมมองจากกล้องปกติได้
ความละเอียดสูง:
แม้จะมีมุมมองกว้าง แต่กล้อง IPC Fisheye มักมาพร้อมกับความละเอียดสูง ทำให้สามารถมองเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ในภาพได้ดี
การเชื่อมต่อผ่าน IP:
กล้องสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถดูภาพจากระยะไกลได้แบบเรียลไทม์ผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์
5. Speed Dome
กล้องโดม มีความสามารถพิเศษในการหมุนกล้อง (Pan), ปรับมุมกล้องขึ้นลง (Tilt), และซูม (Zoom) ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้กล้องสามารถติดตามวัตถุหรือบุคคลที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล้องประเภทนี้มักถูกใช้ในพื้นที่ที่ต้องการการเฝ้าระวังที่ครอบคลุมและมีความยืดหยุ่นสูง เช่น สนามกีฬา, ห้างสรรพสินค้า, หรือสถานที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยสูง
คุณสมบัติหลักของกล้อง Speed Dome:
การควบคุมทิศทางและการซูมที่รวดเร็ว (PTZ):
สามารถหมุนกล้องได้ 360 องศาในแนวนอน และปรับมุมกล้องขึ้นลงในแนวตั้งได้อย่างรวดเร็ว
มาพร้อมกับความสามารถในการซูมภาพทั้งแบบ optical zoom (ซูมโดยใช้เลนส์) และ digital zoom (ซูมโดยขยายภาพดิจิทัล) ทำให้สามารถซูมเข้าไปที่วัตถุหรือบุคคลที่อยู่ไกลได้อย่างชัดเจน
การควบคุม PTZ สามารถทำได้ผ่านรีโมทคอนโทรล, คอมพิวเตอร์, หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
ความละเอียดสูง:
มักมีความละเอียดสูง ทำให้ได้ภาพที่คมชัดและมีรายละเอียดสูง แม้จะซูมเข้าไปที่วัตถุหรือบุคคลที่อยู่ไกล
การติดตามอัตโนมัติ (Auto-Tracking):
กล้อง Speed Dome บางรุ่นมีฟังก์ชันการติดตามอัตโนมัติ ซึ่งกล้องจะสามารถติดตามวัตถุที่เคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องมีคนควบคุม
การติดตั้งในพื้นที่กว้าง:
เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ที่ต้องการการเฝ้าระวังที่ครอบคลุม เช่น สนามบิน, สนามกีฬา, ห้างสรรพสินค้า, ลานจอดรถ, และโรงงาน
สามารถติดตั้งได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร เนื่องจากกล้องส่วนใหญ่ถูกออกแบบให้ทนทานต่อสภาพอากาศต่าง ๆ
การเชื่อมต่อผ่าน IP:
สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถดูภาพแบบเรียลไทม์และควบคุมกล้องจากระยะไกลได้
6. AI Camera คือกล้องที่ผสานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) เข้ากับระบบกล้องวงจรปิด เพื่อเพิ่มความสามารถในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลจากภาพและวิดีโอที่บันทึกได้โดยอัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยมนุษย์ในการตรวจสอบหรือแยกแยะข้อมูลเอง AI Camera ถูกใช้ในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความปลอดภัย, การตรวจจับวัตถุ, การจดจำใบหน้า, และอื่น ๆ
คุณสมบัติหลักของ AI Camera:
การจดจำใบหน้า (Facial Recognition)
การตรวจจับการเคลื่อนไหวและวัตถุ (Object and Motion Detection)
การวิเคราะห์พฤติกรรม (Behavior Analysis)
การจดจำป้ายทะเบียนรถยนต์ (License Plate Recognition)
การวิเคราะห์ภาพและวิดีโอแบบเรียลไทม์
7. LPR Camera
LPR Camera (License Plate Recognition Camera) คือกล้องที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการตรวจจับและจดจำป้ายทะเบียนรถยนต์ (License Plate Recognition หรือ LPR) โดยกล้องประเภทนี้มาพร้อมกับซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีที่สามารถแยกแยะและอ่านข้อมูลจากป้ายทะเบียนรถที่ปรากฏในภาพหรือวิดีโอได้อย่างแม่นยำ
คุณสมบัติหลักของ LPR Camera:
การจดจำและอ่านป้ายทะเบียน:
กล้อง LPR ถูกออกแบบมาเพื่อจับภาพป้ายทะเบียนรถยนต์ที่กำลังเคลื่อนที่หรือหยุดนิ่งได้อย่างชัดเจน
สามารถอ่านตัวอักษรและตัวเลขบนป้ายทะเบียนได้แม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน และในสภาพแสงต่าง ๆ
การทำงานในสภาพแสงและสภาพอากาศที่หลากหลาย:
กล้องมักมาพร้อมกับอินฟราเรดหรือแสงเสริมเพื่อช่วยในการจับภาพป้ายทะเบียนในสภาพแสงน้อยหรือในเวลากลางคืน
ถูกออกแบบมาให้สามารถทำงานได้ดีในสภาพอากาศที่หลากหลาย เช่น ฝนตก, หมอก, หรือแดดจ้า
การบันทึกและประมวลผลแบบเรียลไทม์:
สามารถบันทึกและประมวลผลข้อมูลจากป้ายทะเบียนแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถใช้งานในการตรวจสอบและควบคุมการเข้าออกของยานพาหนะได้ทันที
ระบบ LPR มักถูกเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบป้ายทะเบียนที่ตรวจจับได้กับข้อมูลที่บันทึกไว้ เช่น รถที่ได้รับอนุญาตเข้าออกหรือรถที่ถูกระบุว่าเป็นเป้าหมายในการเฝ้าระวัง
การใช้งานในสถานที่ต่าง ๆ:
LPR Camera มักถูกใช้งานในสถานที่ที่ต้องการควบคุมการเข้าออกของยานพาหนะ เช่น ด่านเก็บค่าผ่านทาง, ลานจอดรถ, ประตูทางเข้าออกของหมู่บ้านหรืออาคารสำนักงาน, และจุดตรวจความปลอดภัย
ยังสามารถนำมาใช้ในงานด้านการรักษากฎหมาย เช่น การตรวจจับรถที่ฝ่าฝืนกฎจราจร หรือการค้นหารถที่ถูกขโมย
8. Thermal
กล้อง Thermal (Thermal Camera) หรือที่เรียกว่ากล้องถ่ายภาพความร้อน เป็นกล้องที่ใช้เทคโนโลยีอินฟราเรดในการตรวจจับและแสดงผลความร้อนที่วัตถุหรือบุคคลปล่อยออกมา โดยไม่ต้องอาศัยแสงธรรมชาติหรือแสงจากแหล่งอื่น ๆ กล้องประเภทนี้จะแสดงภาพในลักษณะของ “แผนที่ความร้อน” ซึ่งใช้สีต่าง ๆ ในการแสดงระดับอุณหภูมิของวัตถุ
คุณสมบัติหลักของกล้อง Thermal:
การตรวจจับความร้อน:
กล้อง Thermal สามารถตรวจจับรังสีอินฟราเรดที่แผ่ออกมาจากวัตถุหรือบุคคล ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
สามารถแสดงภาพในรูปแบบของแผนที่ความร้อนที่แสดงระดับความร้อนของวัตถุในพื้นที่ต่าง ๆ โดยปกติแล้วจะแสดงเป็นสีต่าง ๆ เช่น สีแดงสำหรับอุณหภูมิสูง และสีฟ้าหรือเขียวสำหรับอุณหภูมิต่ำ
การใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีแสง:
กล้อง Thermal สามารถใช้งานได้ในที่มืดสนิทหรือในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยมาก เนื่องจากไม่ต้องอาศัยแสงในการทำงาน
เหมาะสำหรับการใช้งานในช่วงเวลากลางคืนหรือในสถานที่ที่มองเห็นได้ยากด้วยกล้องปกติ
การตรวจจับวัตถุที่ซ่อนอยู่:
กล้อง Thermal สามารถตรวจจับความร้อนที่แผ่ออกมาจากวัตถุที่ซ่อนอยู่หลังวัตถุอื่น เช่น บุคคลที่ซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ หรือการตรวจสอบความร้อนจากเครื่องจักรที่ปิดคลุมอยู่
การใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม:
การรักษาความปลอดภัย: ใช้ในการเฝ้าระวังในที่มืดหรือสภาพแวดล้อมที่มีหมอกควันหรือฝุ่น
การกู้ภัย: ใช้ในการค้นหาบุคคลในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟป่า หรือการถล่มของอาคาร
การตรวจสอบอุตสาหกรรม: ใช้ในการตรวจสอบความร้อนในเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อป้องกันความเสียหายหรืออุบัติเหตุ
การแพทย์: ใช้ในการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายเพื่อคัดกรองสุขภาพ เช่น การตรวจวัดไข้ในสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังโรคระบาด